• 4001 เข้าชม
  • 12 มีนาคม 2561

1. OVER FLOW ระบบนี้คือ ระบบน้ำล้นออกจากสระ ซึ่งไหลผ่านรางระบายน้ำออกไปสู่บ่อพักน้ำ (Surge Tank) แล้วก็ใช้ปั๊มน้ำดูดเข้าผ่านเครื่องกรอง (Filter) เพื่อทำการกรองและฆ่าเชื้อโรค ก่อนไหลวนกลับลงสู่สระซึ่งทำให้ผิวน้ำแลดูตึงสวยสะอาดอยู่ตลอดเวลา ซึ่งข้อดีคือ ทำให้ดูแผ่นน้ำตึงขอบสระสวย แต่ข้อเสียน่ากลัวกว่าคือ ทำให้เกิดการหมักหมมของเศษสิ่งสกปรกบริเวณรางน้ำขอบสระ ซึ่งมักจะใช้ Granate Grill ปิดเอาไว้ หรือใช้กรวดเป็นตัวปิดความสกปรก เมื่อคุ้ยกรวดออกจะเห็นเหมือนท่อระบาย

2. SKIMMER SYSTEM ระบบนี้คือ ระบบที่น้ำในสระจะถุกนำไปบำบัด โดยผ่านช่องด้านข้างของผนังสระ (SKIMMER BOX) ทำให้ผิวน้ำอยู่ในระดับต่ำกว่าพื้นรอบสระ ประมาณ 4 – 10 ซม. เพื่อทำการกรองและฆ่าเชื้อโรค ก่อนไหลวนกลับลงสู่สระว่ายน้ำ สำหรับข้อดีนั้นทำให้น้ำไหลผ่านระบบด้วยระยะทางสั้นกว่า เพราะไม่ต้องผ่าน Surge Tank ทำให้ใช้น้ำปริมาตรที่น้อยกว่าระบบน้ำล้น แถมไม่ทำให้เกิดการหมักหมมระหว่างทางเดินของน้ำ ส่วนข้อเสีย ระดับน้ำจะต่ำกว่าขอบสระว่ายน้ำประมาณ 4 -10 ซม. จะไม่ดูแผ่นน้ำตึงปิดขอบสระเหมือนระบบน้ำล้น ซึ่งก็คงต้องเลือกว่า ต้องการ ความสวยงาม หรือความสะอาดมากกว่ากัน ส่วนระบบบำบัดน้ำในสระว่ายน้ำมีด้วยกัน 3 ระบบคือ

1. ระบบคลอรีน ระบบนี้เป็นระบบฆ่าเชื้อโรคที่นิยมใช้กันมาก เพราะมีราคาถูกและมีประสิทธิภาพในการบำบัดน้ำพอสมควร ซึ่งคลอรีนเป็นสารที่ทำให้เกิดความระคายเคืองกับผิวหนัง ดังนั้น การเติมคลอรีน ควรเติมในช่วงเย็นหลังจากที่ใช้สระเสร็จแล้ว และควรเปิดเครื่องกรองให้ทำงานทิ้งไว้อย่างน้อย 3-4 ชั่วโมง เป้นข้อเสียอย่างหนึ่ง สำหรับคนที่แพ้คลอรีน อย่างนั้น ก้คงต้องดูหน่อยว่าคนในบ้าน ใครบ้างที่แพ้คลอรีน

2. ระบบน้ำเกลือ เป็นระบบควบคุมความสะอาดของน้ำ ด้วยระบบเกลือ โดยอาศัยเครื่องฟอกน้ำ บรรจุเกลือที่มีสมรรถนะสูง เรียกว่า salt-chlorinnator สามารถรักษาน้ำในสระให้สะอาดเหมือน น้ำในทะเล ( แต่เค็มน้อยกว่าน้ำทะเล 10 เท่า )‏ เกลือจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวหนัง และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมถือเป็นระบบบำบัดน้ำที่น่าสนใจอย่างมาก

3. ระบบโอโซน เป็นระบบการนำเอาก๊าซโอโซนถือว่าเห็นได้น้อยมา ซึ่งผลิตจากเครื่องอัดอากาศ มาบำบัดน้ำในสระ มีประสิทธิภาพสูง สามารถฆ่าเชื้อโรคในระยะเวลาอันสั้นกว่าระบบอื่นและไม่มีสารเคมีทุกชนิดตกค้างในน้ำ แต่แน่นอนว่า ค่าใช้จ่าย ก็คงสูงกว่า สอง ระบบที่ว่ามา ดังนั้น หากคุณสนใจจะทำสระว่ายน้ำที่บ้านจริงๆ คงต้องคิดมากหน่อยว่าจะเอาแบบไหนดี เพื่อที่จะทำให้เหมาะกับทุกคนในบ้าน แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าคุณชอบความสวยงาม ก็คงเลือก ระบบคลอลีน แต่ถ้าคุณเลือกที่จะปลอดภัยกับคนในบ้าน ก็คงเป็น ระบบเกลือ แต่ถ้าคุณมีงบสูงหน่อง ก็คงเป็นระบบโอโซน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการและความพอใจของผู้ใช้เสมอ ส่วนตัวผู้เขียนก็คงเลือกระบบไหนไปไม่ได้เลยนอกจากระบบน้ำเกลือ เพราะ สุขภาพของเราสำคัญที่สุด ครับ

ขอขอบคุณบทความดีๆจาก ภูเก็ตสวิมอคาเดมี่